บทที่ 9 EPISODE 01 เริ่มด้วยทักทาย ลงท้ายด้วยจูบ [5]
“เดี๋ยวฉันไปส่งเพิร์ลเอง” ผมอาสา เพื่อนเธอแต่ละคนถึงกับตกใจ พากันทำตาโตใส่ผมกันหมด
ผมอยู่ของผมดีๆ เพื่อนของพวกเธอเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาผม ถ้าผมปล่อยไปง่ายๆ ก็อย่ามาเรียกผมว่ามังกร
“ทำไม ไม่ไว้ใจ?”
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วอย่างไหน ฉันกับเพิร์ลตกลงคบกันแล้ว ใช่ไหมเพิร์ล”
“ใช่”
“ยัยเพิร์ลโว้ยยย” เพื่อนของเพิร์ลพยายามส่งเสียงเรียก แต่เจ้าตัวเหมือนจะร่วงแล้ว อาการนี้อีกไม่กี่นาทีภาพคงตัด ถ้าไม่ตัดเอาตีนมาลูบหน้าผมเลย
“พวกแกกลับไปก่อนเลย”
“อีเพิร์ล!”
บอกตรงๆ ว่าผมเองยังตกใจเลย
“ตามนี้นะ แกกลับไปสวดมนตร์นอนได้แล้วนะป้า พวกแกก็ด้วย บอกเต้ขับรถดีๆ นะ บาย” คนเมาไล่เพื่อนกลับบ้านพร้อมกับโบกมือลาไปทั่ว ไม่รู้เหมือนกันว่าโบกมือลาใคร เพราะหันหน้าไปไหนไม่รู้ ไม่ตรงเพื่อนสักคน
“แต่ว่า...”
“ไปน่า ฉันไหว”
เดี๋ยวก็รู้ว่าไหวจริงมั้ย
“ยัยเพิร์ล”
“โอ๊ย ไหวไงป้า เดี๋ยวให้มังกรไปส่ง เราเป็นแฟนกันแล้ว เนอะมังกรเนอะ” เธอหันมาเนอะกับผม ยิ้มหวานเชียว
เอาเถอะ ผมจะทำอะไรได้นอกจากพยักหน้า
“ยัยเพิร์ล”
“บอกว่าจะกลับกับมังกรไง” เพิร์ลโวยวายใส่เมื่อเพื่อนของเธอยังพยายามจะพาเธอกลับไปด้วยกัน พูดจบก็ยกสองแขนขึ้นคล้องคอผมแล้วกระโดดเกาะผมทั้งตัว สองขาพันรอบเอวแน่นแบบที่ต่อให้ผมไม่รับไว้เธอก็คงไม่ตกลงไปแน่ๆ
“สรุปว่านายกับฉันเป็นแฟนกันแล้วนะมังกอนนน จุ๊บ”
ขโมยจูบแก้มผมไปทีหนึ่งแล้วเอนหัวซบบ่าผมเพราะประคองหัวตัวเองต่อไปไม่ไหว
“กลับเลยนะ” ผมบอกลาเพื่อนของเธอแล้วหมุนตัวออกมาอีกทาง
“เดี๋ยว”
“อะไร”
“นาฬิกา” สติไม่มีแล้วแต่ยังงก ผมไม่ได้บังคับให้เธอถอดทิ้งสักหน่อย
ถอนหายใจแล้วหันกลับไปเก็บนาฬิกาของเพิร์ลกลับมาใส่กระเป๋าเอาไว้ ในสมองกำลังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเรียกค่าไถ่นาฬิกาเรือนนี้เท่าไหร่ดี
“คบกับฉันไม่ต้องถอดนาฬิกา ถอดแค่เสื้อผ้าก็พอ” ผมกระซิบทิ้งท้ายแล้วเดินต่อ ไม่สนว่าใครจะมองยังไง ไม่สนว่าแต่ละคนจะถ่ายรูปหรือว่าคลิปวิดีโอเอาไว้ความยาวเท่าไหร่ นาทีนี้ผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากผู้หญิงที่ผมกำลังจะพากลับคอนโดด้วยกัน
ตลอดทางที่ผมอุ้มเธออกมาจากร้านจนถึงรถ เธอไม่พูดหรือโวยวายอะไรเลยสักคำ ซึ่งผมเพิ่งจะมารู้ตอนที่พาเธอเดินมาถึงรถแล้วนั่นแหละว่าเธอหลับ
ฟุ่บ!
สุดท้ายผมก็ต้องโยนเธอเข้าไปในรถเพราะลองปลุกแล้วหลายครั้งแต่ไม่ตื่น
“นายจาพาฉ้านปายหนายย”
“ขึ้นสวรรค์”
“อารายนนะ”
“ฉันบอกว่าฉันจะพาเธอไปขึ้นสวรรค์” ผมย้ำออกไปเหมือนเดิม แต่แทนที่เธอจะตกใจหรือเสแสร้งกลัวผมสักนิด เธอกลับหัวเราะคิกคักเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
“คนอย่างนายรู้จักทางไปสวรรค์ด้วยเหรอ ฉันคิดว่ารู้แต่ทางไปนรกซะอีก”
ขนาดเมาจนไม่มีสติแล้วก็ยังปากดี
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปด้วยกันก็แล้วกัน อย่าร้องกลับล่ะ เพราะถ้าไปไม่ถึง ฉันไม่ให้กลับ” ผมเตือนก่อนจะถอยกลับออกมายืนมองผู้หญิงแปลกหน้าด้วยความรู้สับสนไปหมด
จู่ๆ เธอมากับผมได้ยังไงทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แถมเพื่อนเธอก็ยังทิ้งเธอไว้กับผมง่ายๆ กวาดสายตามองดูรอบๆ สักหน่อยเผื่อว่าพวกเธอจะมีแผนการอะไร บางทีเพื่อนของเธออาจจะแอบถ่ายคลิปวิดีโออยู่แถวนี้เพื่อเอาไปแบล็กเมล์ผม ตอนนี้เริ่มงงเหมือนกันว่าตกลงแล้วใครต้องกลัวใครกันแน่
ถอนหายใจซ้ำอีกรอบแล้วเอื้อมมือไปดึงประตูรถกลับมาปิด ทว่าคนเมาเล่นผมแล้วไง
ลูกตาผมแทบถลนออกจากเบ้าเมื่อเธอขยับตัว ทำไมท่านอนกับความสวยมันถึงได้ตรงกันข้ามกันขนาดนี้ก็ไม่รู้
“แม่งเอ๊ย เป็นลูกเป็นหลานจะตีให้ตูดลายเลยจริงๆ” ผมพึมพำก่อนจะรีบถอดเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ที่สวมอยู่โยนไปปิดก้นเธอไว้แทบไม่ทัน
บ้าฉิบ ผ้าซีทรูลูกไม้สีแดงนั่นติดตาผมจริงๆ ย้ำว่าซีทรู ปั๊ดโธ่โว้ย!
